ในยุคที่ตลาด E-commerce ของไทยเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง การมีเว็บไซต์ขายของที่สวยงามและสินค้าที่ดีอาจไม่เพียงพอ หากลูกค้าต้องเจอกับประสบการณ์การชำระเงินที่ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือไม่น่าเชื่อถือในขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือจุดที่ Payment Gateway เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินจริง การเลือก ระบบชำระเงินออนไลน์ ที่เหมาะสมเปรียบเสมือนการเลือกพนักงานแคชเชียร์ที่เก่งที่สุดสำหรับร้านค้าของคุณ แต่ด้วยผู้ให้บริการมากมายในตลาดไทย ทำให้เจ้าของธุรกิจหลายคนเกิดคำถามว่าจะเลือกเจ้าไหนดี? บทความนี้ GinieDigital จะพาคุณไปเปรียบเทียบ 5 ผู้ให้บริการ Payment Gateway ชั้นนำในไทยแบบเจาะลึก อัปเดตล่าสุดปี 2025 เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโซลูชันที่ใช่และ รับชำระเงินออนไลน์ ได้อย่างราบรื่นที่สุด
Payment Gateway คืออะไร? ทำไมธุรกิจ E-commerce ถึงขาดไม่ได้?
Payment Gateway คือตัวกลางที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์ E-commerce ของคุณกับสถาบันการเงิน (เช่น ธนาคาร หรือผู้ให้บริการบัตรเครดิต) เพื่อประมวลผลและอนุมัติการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว พูดง่ายๆ คือเป็นระบบที่ทำให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต, QR Code, หรือ E-wallet บนหน้าเว็บของคุณได้นั่นเอง หากไม่มี Payment Gateway การรับชำระเงินจะถูกจำกัดอยู่แค่การโอนเงินแล้วแจ้งสลิป ซึ่งสร้างความไม่สะดวกและเพิ่มขั้นตอนให้ลูกค้า อาจทำให้พวกเขาล้มเลิกการสั่งซื้อกลางคันได้

ปัจจัยสำคัญในการเลือก Payment Gateway
ก่อนจะไปดูรีวิวแต่ละเจ้า คุณควรมีเช็คลิสต์ในใจว่าจะพิจารณาจากอะไรบ้าง:
- ค่าธรรมเนียม (Fees): ทั้งค่าติดตั้ง, ค่าบริการรายเดือน, และค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรม (Transaction Fee)
- ช่องทางการชำระเงินที่รองรับ: รองรับบัตรเครดิต/เดบิต, QR PromptPay, E-wallets (TrueMoney, Rabbit LINE Pay), และการผ่อนชำระหรือไม่?
- ความปลอดภัย: ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เช่น PCI DSS หรือไม่?
- ความง่ายในการเชื่อมต่อ (Integration): สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเว็บไซต์ (เช่น WooCommerce, Shopify) ที่คุณใช้อยู่ได้ง่ายแค่ไหน?
- การสนับสนุนลูกค้า (Support): มีทีมงานคนไทยคอยช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาหรือไม่?
เปรียบเทียบ 5 ระบบชำระเงินออนไลน์ ยอดนิยมในไทย อัปเดต 2025
1. Omise
ผู้ให้บริการสัญชาติไทยที่ไปไกลระดับเอเชีย มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบที่เสถียร
- จุดเด่น: ระบบ API ที่ยืดหยุ่นสำหรับนักพัฒนา, แดชบอร์ดจัดการที่ใช้งานง่าย, รองรับช่องทางชำระเงินหลากหลาย, มีความน่าเชื่อถือสูง
- เหมาะกับใคร: ธุรกิจตั้งแต่ SME ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบที่ปรับแต่งได้และมีเสถียรภาพ
- ค่าธรรมเนียม (โดยประมาณ): ไม่มีค่าติดตั้ง/รายเดือน, ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต/เดบิตอยู่ที่ 3.65% + 7% VAT
2. Stripe
ยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เข้ามาเปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการ มีชื่อเสียงด้านระบบที่ทรงพลังและเอกสารสำหรับนักพัฒนาที่ดีเยี่ยม
- จุดเด่น: เป็นที่ยอมรับทั่วโลก, ระบบป้องกันการฉ้อโกง (Fraud Detection) ที่ยอดเยี่ยม, รองรับการทำธุรกิจระหว่างประเทศได้ดี, เชื่อมต่อง่าย
- เหมาะกับใคร: ธุรกิจที่ต้องการรับชำระเงินจากลูกค้าต่างชาติ, สตาร์ทอัพสายเทค, และธุรกิจที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง
- ค่าธรรมเนียม (โดยประมาณ): ไม่มีค่าติดตั้ง/รายเดือน, ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต/เดบิตในประเทศ 3.65% + 7% VAT
3. GB Prime Pay
Payment Gateway สัญชาติไทยที่เติบโตเร็วและโดดเด่นด้านการรองรับช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ
- จุดเด่น: รองรับ QR Code และ E-wallets แทบทุกเจ้าในไทย, มีระบบผ่อนชำระ, ทีม Support คนไทยที่เข้าถึงง่าย
- เหมาะกับใคร: ธุรกิจ SME ที่เน้นลูกค้าคนไทยเป็นหลักและต้องการช่องทางการชำระเงินที่ครบครันที่สุด
- ค่าธรรมเนียม (โดยประมาณ): ไม่มีค่าติดตั้ง/รายเดือน, ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต/เดบิตเริ่มต้นที่ 3.60% (อาจมีการต่อรองได้)
4. 2C2P (Two-C-Two-P)
ผู้ให้บริการรายใหญ่และเก่าแก่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความน่าเชื่อถือสูงและเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรขนาดใหญ่มากมาย
- จุดเด่น: มีความน่าเชื่อถือสูงมาก, เป็นพาร์ทเนอร์กับสายการบินและธุรกิจขนาดใหญ่, รองรับสกุลเงินและช่องทางชำระเงินทั่วทั้งภูมิภาค
- เหมาะกับใคร: องค์กรขนาดใหญ่, ธุรกิจสายการบิน, โรงแรม, และบริษัทที่ต้องการขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ค่าธรรมเนียม (โดยประมาณ): อาจมีค่าติดตั้งและค่าบริการรายเดือน, ค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมจะขึ้นอยู่กับแพ็กเกจและการตกลง
5. K-Payment Gateway (Kasikorn Bank)
ระบบชำระเงินออนไลน์จากธนาคารกสิกรไทย มีจุดเด่นด้านความน่าเชื่อถือในฐานะธนาคารและโปรโมชันร่วมกับบัตรเครดิตของธนาคาร
- จุดเด่น: ความน่าเชื่อถือสูงในนามธนาคาร, มักมีโปรโมชันผ่อน 0% ร่วมกับบัตรเครดิตกสิกรไทย, เหมาะกับลูกค้าที่มีบัญชีธุรกิจกับ KBank อยู่แล้ว
- เหมาะกับใคร: ธุรกิจที่มีลูกค้าหลักเป็นผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย, ธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือของแบรนด์ธนาคาร
- ค่าธรรมเนียม (โดยประมาณ): อาจมีค่าติดตั้ง, ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต/เดบิตเริ่มต้นที่ 3.50% (อาจแตกต่างกันไป)

ตารางสรุปเปรียบเทียบ Payment Gateway
| ชื่อผู้ให้บริการ | จุดเด่นที่สุด | เหมาะกับธุรกิจประเภท | โครงสร้างค่าธรรมเนียม (โดยประมาณ) |
|---|---|---|---|
| Omise | เทคโนโลยีทันสมัย, เสถียร | SME ถึง Enterprise, Tech Startup | ไม่มีค่าแรกเข้า, 3.65% + 7% VAT |
| Stripe | มาตรฐานระดับโลก, รับเงินต่างประเทศ | ธุรกิจระหว่างประเทศ, SaaS | ไม่มีค่าแรกเข้า, 3.65% + 7% VAT |
| GB Prime Pay | ช่องทางชำระเงินเพื่อคนไทยครบ | SME ที่เน้นลูกค้าในประเทศ | ไม่มีค่าแรกเข้า, เริ่มต้น 3.60% |
| 2C2P | น่าเชื่อถือสูง, เหมาะกับองค์กรใหญ่ | Enterprise, สายการบิน, โรงแรม | มีค่าแรกเข้า/รายเดือน (แล้วแต่แพ็กเกจ) |
| K-Payment Gateway | แบรนด์ธนาคาร, โปรโมชันผ่อน | ร้านค้าที่มีลูกค้าใช้บัตรกสิกรเยอะ | อาจมีค่าแรกเข้า, เริ่มต้น 3.50% |
ทำไมถึงเชื่อใจเราได้ (Why You Can Trust GinieDigital)
ที่ GinieDigital เราเชี่ยวชาญในการพัฒนาเว็บไซต์ E-commerce และได้มีประสบการณ์ตรงในการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ Payment Gateway แทบทุกรายในประเทศไทย เราเข้าใจข้อดีข้อเสียทางเทคนิคและความเหมาะสมทางธุรกิจของแต่ละเจ้าเป็นอย่างดี คำแนะนำของเราจึงไม่ได้มาจากข้อมูลบนหน้าเว็บ แต่มาจากประสบการณ์จริงในการช่วยลูกค้า SME ของเราเลือกระบบที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้พวกเขาสามารถ รับชำระเงินออนไลน์ ได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
สมัคร Payment Gateway ต้องจดทะเบียนบริษัทหรือไม่?
ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในปัจจุบัน (เช่น Omise, Stripe, GB Prime Pay) เปิดให้บุคคลธรรมดาสามารถสมัครใช้งานได้ โดยใช้เอกสารประจำตัว เช่น บัตรประชาชน และหน้าสมุดบัญชีธนาคาร แต่การจดทะเบียนบริษัทจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอาจได้รับเรทค่าธรรมเนียมที่ดีกว่าในบางกรณี
แล้ว QR PromptPay ที่ร้านค้าใช้กันทั่วไป ต่างจาก Payment Gateway อย่างไร?
QR PromptPay เป็นเพียง “ช่องทางการชำระเงิน” ช่องทางหนึ่ง แต่ Payment Gateway คือ “ระบบ” ที่รวบรวมหลายๆ ช่องทาง (รวมถึง PromptPay, บัตรเครดิต, E-wallet) เข้าไว้ด้วยกัน และจัดการการอนุมัติ, การแจ้งเตือน, และการทำบัญชีให้คุณโดยอัตโนมัติ
การติดตั้งระบบชำระเงินออนไลน์ยุ่งยากไหม?
สำหรับเว็บไซต์ที่ใช้แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง WooCommerce หรือ Shopify ผู้ให้บริการ Payment Gateway ส่วนใหญ่จะมี “ปลั๊กอิน (Plugin)” สำเร็จรูปให้ติดตั้งได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเอง แต่หากเป็นเว็บไซต์ที่เขียนขึ้นเอง อาจต้องให้นักพัฒนาเป็นผู้เชื่อมต่อระบบผ่าน API
เงินจะเข้าบัญชีเราเมื่อไหร่?
ระยะเวลาการโอนเงิน (Settlement) จะแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ให้บริการ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1-7 วันทำการหลังจากเกิดธุรกรรม คุณควรตรวจสอบเงื่อนไขของแต่ละเจ้าเพื่อการวางแผนกระแสเงินสดที่ถูกต้อง
นอกจากค่าธรรมเนียม มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอื่นอีกไหม?
ควรตรวจสอบเรื่อง “ค่าธรรมเนียมการคืนเงิน (Refund Fee)” และ “ค่าธรรมเนียมการปฏิเสธรายการ (Chargeback Fee)” ด้วย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการขอยกเลิกรายการหรือเกิดข้อพิพาทในการชำระเงิน
สรุป: เลือก “แคชเชียร์” ที่ใช่สำหรับร้านค้าดิจิทัลของคุณ
การเลือก Payment Gateway ที่ดีที่สุดไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจ, กลุ่มลูกค้า, และขนาดขององค์กรคุณ ธุรกิจที่เน้นลูกค้านานาชาติอาจจะเหมาะกับ Stripe ในขณะที่ร้านค้าที่เน้นลูกค้าไทยและต้องการระบบผ่อนอาจจะถูกใจ GB Prime Pay สิ่งสำคัญคือการใช้ข้อมูลในบทความนี้เป็นแนวทางในการพิจารณาและเลือกพาร์ทเนอร์ ระบบชำระเงินออนไลน์ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
อ้างอิงจาก
- Bank of Thailand. (2025). Payment Systems Annual Report. Official statistics and reports on e-payment and digital transactions in Thailand. https://www.bot.or.th/en/research-and-publications/reports/payment-annual-report.html
- Stripe. (2025). Stripe Docs – Guides for businesses in Thailand. Official documentation and resources for businesses using Stripe in the Thai market. https://stripe.com/resources/more/payments-in-thailand
- PCI Security Standards Council. Official PCI Security Standards Website. The primary source for information on the Payment Card Industry Data Security Standard (PCI DSS). https://www.pcisecuritystandards.org/