Language Switcher Button Only
Edit Content

Address

1788 อาคารสิงห์คอมเพล็กซ์ ชั้นที่ 30 ยูนิต 3001–3003, 3009–3014 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310

Stay Connected

WooCommerce vs Shopify แพลตฟอร์มไหนดีที่สุดสำหรับธุรกิจ E-commerce ไทย ปี 2025

WooCommerce vs Shopify: แพลตฟอร์มไหนดีที่สุดสำหรับธุรกิจ E-commerce ไทย ปี 2025

เมื่อคุณตัดสินใจจะเปิดร้านค้าออนไลน์ ความคิดแรกๆ ที่เข้ามาในหัวคือ “จะใช้ แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ เจ้าไหนดี?” และในสนามรบนี้ สองชื่อที่โดดเด่นและทรงพลังที่สุดก็คือ Shopify และ WooCommerce ซึ่งเป็นคำถามยอดฮิตที่เจ้าของธุรกิจ SME จำนวนมากต้องตัดสินใจ บางคนบอกว่า Shopify ใช้ง่ายเหมือนปลอกกล้วย ในขณะที่บางคนบอกว่า WooCommerce ยืดหยุ่นและเป็นของเราอย่างแท้จริง แล้วความจริงคืออะไร? Shopify ดีไหม สำหรับตลาดไทย? หรือ WooCommerce คือคำตอบสุดท้าย? ในปี 2025 ที่บริบทของ E-commerce ไทยมีความเฉพาะตัวสูง ทั้งในเรื่องระบบชำระเงินและขนส่ง การเลือกแพลตฟอร์มที่ “ใช่” จึงสำคัญกว่าที่เคย บทความนี้ GinieDigital จะพาคุณมาเปรียบเทียบ WooCommerce vs Shopify แบบเจาะลึกทุกมิติ เพื่อช่วยให้คุณเลือกบ้านหลังแรกบนโลกออนไลน์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุด

ทำความรู้จักสองยักษ์ใหญ่

ก่อนจะเปรียบเทียบ เรามาทำความรู้จักธรรมชาติของทั้งสองแพลตฟอร์มกันก่อน

Shopify: The All-in-One Solution (โซลูชันครบวงจร)

Shopify คือแพลตฟอร์มแบบ SaaS (Software as a Service) หรือซอฟต์แวร์สำเร็จรูป คุณจ่ายค่าบริการรายเดือนเพื่อ “เช่า” ระบบร้านค้าที่มีทุกอย่างพร้อมใช้งาน ตั้งแต่โฮสติ้ง, ความปลอดภัย, ไปจนถึงระบบหลังบ้านที่ออกแบบมาอย่างดี ข้อดีคือความง่าย คุณแทบไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคก็สามารถเปิดร้านได้ แต่ข้อเสียคือคุณมีข้อจำกัดในการปรับแต่งและต้องอยู่ในกฎของ Shopify

WooCommerce: The Flexible Powerhouse (ขุมพลังที่ยืดหยุ่น)

WooCommerce ไม่ใช่แพลตฟอร์มสำเร็จรูป แต่เป็น “ปลั๊กอิน (Plugin)” ฟรีสำหรับ WordPress ซึ่งเป็นระบบจัดการเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก มันเปลี่ยนเว็บ WordPress ธรรมดาให้กลายเป็นร้านค้า E-commerce เต็มรูปแบบ ข้อดีคือความยืดหยุ่นและการเป็นเจ้าของ 100% คุณสามารถปรับแต่งทุกอย่างได้ตามใจชอบ แต่ข้อเสียคือคุณต้องรับผิดชอบในการหาโฮสติ้ง, การติดตั้ง, และการดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยตัวเอง

ตารางเปรียบเทียบหมัดต่อหมัด: WooCommerce vs Shopify สำหรับตลาดไทย

ปัจจัย (Factor)ShopifyWooCommerce
ความง่ายในการใช้งานยอดเยี่ยม (เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น)ปานกลาง (ต้องมีความรู้ WordPress พื้นฐาน)
ค่าใช้จ่ายรายเดือนคงที่ + ค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมยืดหยุ่น (จ่ายค่าโฮสติ้ง, โดเมน, ปลั๊กอินเสริม)
การปรับแต่งจำกัด (ทำได้ผ่าน Theme และ App ที่มีให้)ไร้ขีดจำกัด (Open-source ปรับโค้ดได้)
Payment Gateway ไทยเชื่อมต่อง่าย (Omise, 2C2P, Stripe)เชื่อมต่อง่าย (มีปลั๊กอินสำหรับทุกเจ้า)
ระบบขนส่งไทยเชื่อมต่อง่าย (Flash, Kerry, ไปรษณีย์ไทย)เชื่อมต่อง่าย (มีปลั๊กอินหลากหลาย)
SEOดี (แต่ปรับแต่งเชิงลึกได้จำกัด)ยอดเยี่ยม (ปรับแต่งได้ทุกส่วนผ่านปลั๊กอิน)
การดูแลรักษาง่าย (Shopify ดูแลให้ทั้งหมด)ต้องทำเอง (อัปเดต, สำรองข้อมูล, ความปลอดภัย)
การสนับสนุน (Support)ยอดเยี่ยม (มีทีม Support 24/7)ผ่าน Community Forum หรือจ้างผู้เชี่ยวชาญ

Export to Sheets

เจาะลึก 5 ปัจจัยตัดสินใจสำหรับธุรกิจไทย

1. ความง่ายในการใช้งาน vs. ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง

  • Shopify: ชนะขาดในเรื่องความง่าย ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเปิดร้านให้เร็วที่สุดและไม่อยากยุ่งกับเรื่องเทคนิค Shopify คือคำตอบ
  • WooCommerce: ชนะในเรื่องความยืดหยุ่น ถ้าคุณต้องการสร้างร้านค้าที่มีฟังก์ชันเฉพาะตัว, ต้องการปรับแต่งดีไซน์อย่างอิสระ, หรือวางแผนจะสร้างคอนเทนต์ (Blog) ควบคู่ไปกับการขายอย่างจริงจัง WooCommerce ให้พลังในการควบคุมที่เหนือกว่า

2. ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและค่าใช้จ่ายแฝง

  • Shopify: ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นชัดเจนตามแพ็กเกจรายเดือน แต่ต้องระวัง “ค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรม (Transaction Fees)” ที่จะถูกหักจากยอดขายของคุณ (ยกเว้นใช้ Shopify Payments) และค่า App เสริมรายเดือนที่อาจเพิ่มขึ้นตามฟังก์ชันที่คุณต้องการ
  • WooCommerce: ตัวปลั๊กอินเองนั้นฟรี แต่คุณต้องจ่ายค่าโฮสติ้งและโดเมนเอง ซึ่งมีราคาหลากหลาย และอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับ Theme หรือปลั๊กอินเสริมแบบซื้อขาด แม้จะดูยุ่งยากกว่า แต่ในระยะยาวมักจะมีต้นทุนรวมที่ต่ำกว่าและไม่มีค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรม

3. การเชื่อมต่อกับระบบชำระเงินและขนส่งในไทย

ข่าวดีคือในปี 2025 ทั้งสองแพลตฟอร์มรองรับ ระบบชำระเงินออนไลน์ และบริษัทขนส่งเจ้าหลักๆ ในไทยได้เป็นอย่างดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Omise, GB Prime Pay, Stripe หรือ Kerry Express, Flash Express ต่างก็มีปลั๊กอินหรือ App ให้เชื่อมต่อได้อย่างสะดวกสบาย ปัจจัยนี้จึงไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญอีกต่อไป

4. SEO และการตลาด

  • Shopify: มีเครื่องมือ SEO พื้นฐานมาให้ครบถ้วนและใช้งานง่าย แต่การปรับแต่งเชิงลึก เช่น โครงสร้าง URL หรือการทำ Redirect ที่ซับซ้อน อาจทำได้จำกัด
  • WooCommerce: เมื่อใช้ร่วมกับปลั๊กอิน SEO อย่าง Yoast SEO หรือ Rank Math มันจะกลายเป็นเครื่องมือ SEO ที่ทรงพลังมาก คุณสามารถปรับแต่งได้ทุกรายละเอียด ทำให้ WooCommerce มักจะเป็นที่ชื่นชอบของนักการตลาดที่ต้องการทำ SEO อย่างเต็มรูปแบบ

5. การดูแลและบำรุงรักษา

  • Shopify: คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย Shopify จะจัดการเรื่องความปลอดภัย, การอัปเดต, และการสำรองข้อมูลให้ทั้งหมด
  • WooCommerce: “อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” คุณคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการอัปเดต WordPress, ปลั๊กอิน, และดูแลเรื่องความปลอดภัยของโฮสติ้งด้วยตัวเอง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหรือต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแล

กรณีศึกษา: ดูตัวอย่างจริงในไทย

  • Shopify : GENTLEWOMAN (gentlewomanonline.com) แบรนด์แฟชั่นชื่อดังของไทยเลือกใช้ Shopify ในการสร้างประสบการณ์ E-commerce ที่สวยงามและใช้งานง่าย สะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งของ Shopify ในการสร้างร้านค้าที่ดูดีระดับสากลและเปิดตัวได้อย่างรวดเร็ว
  • WooCommerce : All About You Organics (allaboutyou.co.th) ร้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ใช้ WooCommerce บน WordPress พวกเขาสามารถผสานส่วนของร้านค้าเข้ากับคอนเทนต์ (Blog) ที่ให้ความรู้ได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของ WooCommerce ในการสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมากกว่าแค่ร้านค้า

สรุป: แล้วใครคือผู้ชนะสำหรับคุณ?

ศึก WooCommerce vs Shopify ไม่มีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว แต่มี “ผู้ที่เหมาะสมกว่า” สำหรับธุรกิจของคุณ

  • เลือก Shopify ถ้า: คุณเป็นผู้เริ่มต้น, ต้องการเปิดร้านให้เร็วที่สุด, ไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องเทคนิค, และยอมรับค่าใช้จ่ายรายเดือนและค่าธรรมเนียมเพื่อแลกกับความสะดวกสบาย
  • เลือก WooCommerce ถ้า: คุณต้องการควบคุมทุกอย่าง 100%, ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่งสูงสุด, วางแผนจะทำ Content Marketing และ SEO อย่างจริงจัง, และไม่กังวลกับการดูแลจัดการทางเทคนิคด้วยตัวเอง (หรือมีทีมงานดูแล)

ทำไมถึงเชื่อใจเราได้ (Why You Can Trust GinieDigital)

ที่ GinieDigital เราเชี่ยวชาญในการพัฒนาเว็บไซต์ E-commerce ทั้งบนแพลตฟอร์ม Shopify และ WooCommerce เราไม่ได้เข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่เราทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อวิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจ, งบประมาณ, และเป้าหมายในระยะยาว เพื่อให้คำแนะนำที่เป็นกลางและเลือก แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ประสบการณ์ของเราทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน เราก็สามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จให้คุณได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

แพลตฟอร์มไหนดีกว่าสำหรับ SEO?

โดยทั่วไปแล้ว WooCommerce ให้ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง SEO เชิงลึกได้มากกว่าผ่านปลั๊กอินต่างๆ อย่างไรก็ตาม Shopify ก็มีพื้นฐาน SEO ที่ดีและเพียงพอสำหรับร้านค้าส่วนใหญ่ หากทำอย่างถูกวิธี ทั้งสองแพลตฟอร์มก็สามารถติดอันดับสูงบน Google ได้

ถ้าเลือกไปแล้ว สามารถย้ายแพลตฟอร์มในภายหลังได้หรือไม่?

ทำได้ครับ แต่เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องย้ายข้อมูลสินค้า, ข้อมูลลูกค้า, และประวัติการสั่งซื้อทั้งหมด การวางแผนและเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมตั้งแต่แรกจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

Shopify Payments ในไทยใช้งานได้ดีแค่ไหน?

Shopify Payments เปิดให้บริการในไทยแล้ว ซึ่งมีข้อดีคือไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมเพิ่มเติมของ Shopify (จ่ายแค่ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตตามปกติ) ทำให้การจัดการทางการเงินง่ายขึ้น แต่ก็ควรเปรียบเทียบฟีเจอร์กับ Payment Gateway เจ้าอื่นในไทยประกอบการตัดสินใจ

WooCommerce ต้องการโฮสติ้งแบบไหน?

สำหรับร้านค้า WooCommerce แนะนำให้เลือกใช้โฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพสูงและออกแบบมาสำหรับ WordPress โดยเฉพาะ (Managed WordPress Hosting) เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์จะโหลดได้รวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง ไม่ควรใช้ Shared Hosting ราคาถูกทั่วไป

ระหว่างสองเจ้านี้ มีแพลตฟอร์มอื่นสำหรับคนไทยอีกไหม?

มีครับ ในไทยก็มีแพลตฟอร์มร้านค้าสำเร็จรูปอื่นๆ เช่น LnwShop หรือ MakeWebEasy ซึ่งอาจจะใช้งานง่ายกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า แต่ก็อาจมีข้อจำกัดด้านการปรับแต่งและฟีเจอร์เมื่อเทียบกับสองยักษ์ใหญ่อย่าง Shopify และ WooCommerce

References

  1. Shopify. (2025). Official Shopify Thailand homepage and pricing. https://www.shopify.com/th
  2. WooCommerce. (2025). WooCommerce for WordPress – Official Website. https://woocommerce.com/
  3. Kinsta. (2025). WooCommerce vs Shopify: Which Is Better for Your Store?. A detailed technical and business comparison from a major web hosting company. https://kinsta.com/blog/woocommerce-vs-shopify/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *